Coffee blog --> ระดับความสูงมีผลต่อคุณภาพของกาแฟจริงหรือ?


 ระดับความสูงมีผลต่อคุณภาพของกาแฟจริงหรือ?

ข้อความต่อไปนี้เป็นข้อมูลและความคิดเห็นส่วนตัว  ขอเน้นย้ำว่าส่วนตัวนะครับ  หากท่านใดมีข้อมูลขอความกรุณาช่วยกันแสดงความเห็นด้วยแล้วกันนะครับ
สิ่งที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันในวงการกาแฟบ้านเรา  และยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปตามเหตุผลของแต่ละบุคคล  นั่นก็คือ “ระดับความสูงเท่าไหร่ที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟอราบิก้า?” ความจริงแล้วความสูงจากระดับน้ำทะเลมีผลโดยตรงต่อความกดอากาศ  ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ  อุณหภูมิและช่วงแสง  ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก็มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของพืช มากน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของพืช  ยกตัวอย่างเช่นส้มโชกุลที่เคยปลูกกันที่ภาคใต้มีลักษณะผลสีเขียวอมเหลืองเปลือกติดเนื้อแต่พอมีการนำพันธุ์มาทดลองปลูกที่อำเภอฝางจังหวัดเชียงใหม่  พบว่าผลส้มกลับมีสีส้มทองเปลือกร่อน ผมเองได้มีโอกาสเก็บข้อมูลคร่าวๆ  เกี่ยวกับการออกดอกติดผลของกาแฟ  ขอพูดถึงกาแฟอราบิก้าก่อนแล้วกันนะครับ  เปรียบเทียบข้อมูลจากแปลงปลูกกาแฟอราบิก้าที่ระดับความสูง 400 เมตรกับ 1,200 เมตร พื้นที่อำเภอแม่สรวยจังหวัดเชียงราย  ปกติแล้วกาแฟอราบิก้าจะเริ่มออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนซึ่งมีอิทธิพลจากฝนหลงฤดูในช่วงฤดูร้อน  โดยจะออกดอกประมาณ 3 ชุดแต่ละชุดจะบานอยู่ได้แค่ประมาณ 3 วันก็จะเหี่ยวและร่วงไปจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงปลายเดือนตุลาคม-มกราคมของทุกปี  จากการเก็บข้อมูลพบว่ากาแฟอราบิก้าที่ปลูกบนระดับความสูง 400 เมตรและ 1,200 เมตร จะออกดอกติดผลพร้อมๆกันปริมาณการติดผลผลิตก็ใกล้เคียงกัน  แต่ กาแฟอราบิก้าที่ความสูง 400 เมตรจะมีช่วงระยะเวลาในการพัฒนาจากดอกไปจนถึงเก็บเกี่ยวเร็วกว่าประมาณ 15-30 วัน  ทั้งนี้น่าจะมีผลมาจากช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวตรงกับฤดูหนาวและบนพื้นที่สูงมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าจึงทำให้การสุกของกาแฟช้าลง
ส่วนกาแฟโรบัสต้าได้ทำการเก็บข้อมูลจากแปลงปลูกของผมเองในอำเภอแม่สรวยจังหวัดเชียงราย  ต้นกาแฟอายุ  4 ปี เนื้อที่ 3 ไร่  นำพันธุ์มาจากจังหวัดชุมพร เปรียบเทียบกับกาแฟโรบัสต้าที่ปลูกในอำเภอสวีจังหวัดชุมพร  ได้ข้อมูลที่แตกต่างกันพอสมควร  โดยกาแฟโรบัสต้าที่เชียงรายจะออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณเดือนธันวาคม-มกราคม  ส่วนกาแฟโรบัสต้าที่ปลูกในจังหวัดชุมพร  จะออกดอกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม  ซึ่งเป็นช่วงปลายมรสุม  และจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี  จากข้อมูลที่ได้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดที่ว่า  “ข้าวสุกจากเหนือลงใต้ผลไม้สุกจากใต้ขึ้นเหนือ”  สำหรับผลต่อรสชาติของกาแฟนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะสรุปว่าดีหรือไม่ดีเนื่องจากยังไม่มีเครื่องมือใดสามารถตรวจวัดได้  ก็เหมือนกับอาหารและเครื่องดื่มทั่วไปที่ต้องใช้การชิมในการทดสอบรสชาติ  เรื่องของรสชาตินั้นเป็นความชื่นชอบของแต่ละบุคคลซึ่งมีความหลากหลายแตกต่างกันไป  อีกอย่างก็คือยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ เช่น
-สายพันธุ์ของกาแฟ
-แหล่งปลูก(ความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ปลูก)
-การดูแลรักษาของเกษตรกร
-ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิต
-ขั้นตอนการแปรรูปเป็นสารกาแฟดิบ
-ขั้นตอนการคั่ว
-วิธีการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟคั่ว
-และที่สำคัญที่สุดคือขั้นตอนการชงกาแฟ
ในทุกๆปัจจัยที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อรสชาติของกาแฟทั้งนั้น  หากขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งมีปัญหาแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อรสชาติของกาแฟอย่างแน่นอน  อย่างไรก็แล้วแต่ในส่วนตัวผมเองก็อยากจะขอให้ทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกาแฟ  ช่วยกันพัฒนาคุณภาพของกาแฟไทยให้ดียิ่งๆขึ้นไปสู่ระดับสากลเลยแล้วกันนะครับขอบคุณครับ